๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๓- ๔ มกราคม ๒๕๖๔
ณ ครัวชมวาฬ บ่อนอก ประจวบคีรีขันธื์
กระบวนกร โดย ประชา หุตานุวัตร วราภรณ์ หลวงมณี
กระบวนกร
หมายถึง ผู้สร้างและดำเนินกิจกรรมให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ ต่างจากวิทยากรที่เป็นผู้ให้ความรู้
วิถี
หมายถึง ศาสตร์และศิลป์สำหรับจัดกระบวนการเรียนรู้อย่างมีพลัง และเกิดการเรียนรู้เชิงลึกที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลง ทั้งในเชิงทัศนคติและพฤติกรรมของผู้เรียน ตลอดจนความสัมพันธ์ภายในกลุ่มหรือองค์กร
โปรแกรม ๒๑ วันของการฝึกตนและจัดกระบวนการเรียนรู้ที่เข้มข้นนี้จะเต็มไปด้วยชีวิตชีวา และมีความหมายกับชีวิตอย่างแท้จริง โดยที่คุณจะได้เห็นตัวคุณเองในแง่มุมที่ไม่เคยรู้จัก คุณจะเกิดความมั่นใจที่ลึกซึ้งในการดำรงชีวิตและทำหน้าที่การงาน คุณจะค้นพบศักยภาพที่ซ่อนเร้นอยู่ในตัวเองและสามารถนำมันออกมารับใช้เพื่อนมนุษย์อย่างมีความหมาย คุณจะได้ฝึกจัดกระบวนการเรียนรู้ให้กับผู้คนอย่างมีชีวิตชีวาและเต็มไปด้วยเนื้อหาสาระ
ถ้าคุณเป็นครูอาจารย์อยู่แล้ว คุณจะเดินกลับเข้าห้องเรียนด้วยพลังอย่างใหม่ ที่นักเรียนนักศึกษาสามารถสัมผัสได้
ถ้าคุณเป็นกระบวนกร (Facilitator) อยู่แล้ว หรือเริ่มต้นเป็นกระบวนกร ความเชื่อมั่นของคุณจะหยั่งรากลึก นำไปสู่การเพิ่มพลังให้แก่ผู้เรียน
ถ้าคุณเป็นคนหน้าใหม่ ผู้ไฝ่วิถีกระบวนกร คุณจะได้ฝึกจับหลักให้มั่น หยั่งรากสู่ภายใน ฝึกใช้ทักษะครั้งแล้วครั้งเล่า
ทุกท่านจะได้เดินทีละก้าวที่จะไว้ใจชีวิตและจักรวาล ท่านจะเชื่อมั่นตนเอง อย่างอ่อนน้อม และวางใจชีวิตและคนรอบ ๆ ตัวคุณอย่างมีสติ
สิ่งที่จะเรียนรู้จะไม่ใช่เพียงเทคนิควิธีจัดกระบวนอย่างนั้นอย่างนี้ ที่สำคัญกว่าคือภาวะชีวิตภายใน(Being)และหลักคิด(Principles)ที่มั่นคงที่เป็นต้นธารของเทคนิควิธี (How to)
การเรียนรู้ชุดนี้เหมาะสำหรับ
• ผู้ต้องการเป็นกระบวนกรอย่างมีพื้นฐานแน่นทั้งหัวใจ หลักคิด และทักษะ
• ครูผู้ต้องการให้ห้องเรียนของตนสร้างแรงบัลดาลใจและความเชื่อมั่นให้ผู้เรียน
• ผู้ต้องการรู้จักตนเองและศักยภาพที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในอย่างลึกซึ้งและรอบด้าน
• ผู้ต้องการฝึกภาวะผู้นำในตนเอง เพื่อเพิ่มพลังให้คนที่ตนนำได้เติบโตไปพร้อมๆ กับความรับผิดชอบในหน้าที่การงาน
เป้าหมาย กระบวนการเรียนรู้ใน๒๑ วันนี้ จะช่วยให้ ครู นักฝึกอบรม กระบวนกร วิทยากรกระบวนการ ได้ก้าวผ่านการฝึกเป็นขั้นเป็นตอน ทั้งด้านหัวใจ หัวสมอง และทักษะ เพื่อเป็นผู้จัดกระบวนการเรียนรู้อย่างมีสติ รู้เท่าทันตน ตื่นรู้อยู่ในปัจจุบันขณะ ถึงพร้อมด้วยทักษะ และจับหลักคิดได้อย่างมั่นคง ว่าจะจัดการเรียนรู้อะไรอย่างไรในแต่ละสถานการณ์ของผู้เรียนและผู้คนที่เกี่ยวข้อง
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
๑. ด้านทัศนคติ เมื่อเรียนรู้ชัดนี้แล้ว ผู้เรียนจะ
๑.๑. มีสติ รู้เท่าทันตนมากขึ้น อยู่กับปัจจุบันขณะได้มากขึ้น ลดละอัตตาให้น้อยลงได้ตามลำดับ
๑.๒. หมั่นทบทวนใคร่ครวญตนเองอยู่เสมอ ยอมรับความจริงของตนเองด้วยใจเป็นกลางทั้งจุดอ่อนจุดแข็ง รวมถึงลักษณะเฉพาะของตน
๑.๓. รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน เปราะบางได้ และเชื่อมันในตนเอง พร้อมกับมีความเข้มแข็งอยู่ภายใน พร้อม ๆ กันไป
๑.๔. พร้อมฟังคำวิจารณ์ น้อมรับคำท้าทาย
๑.๕. เชื่อในศักยภาพของทุกคน
๑.๖. เชื่อในการเรียนรู้ร่วมกัน ช่วยกันถอดบทเรียน สร้างองค์ความรู้ร่วมกัน
๑.๗. เชื่อญาณหยั่งรู้ตนเองมากขึ้นตามลำดับ
๒. ด้านหลักคิด เมื่อเรียนรู้ชุดนี้แล้ว ผู้เรียนจะเข้าใจและสามารถอธิบายหลักการต่อไปนี้ได้
๒.๑. หลักพื้นฐานการศึกษาแบบองค์รวม: การตัดสินใจคือการศึกษา ความสัมพันธ์คือการศึกษา การฝึกตนคือคือการศึกษา
๒.๒. หลักการศึกษาแบบมีส่วนร่วม: การเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ การสร้างองค์ความรู้ร่วมกัน สืบค้นร่วมกัน ถอดบทเรียนด้วยกัน และสร้างพื้นที่
ปลอดภัยสำหรับการเรียนรู้ โยงกับการคิดแบบองค์รวม
๒.๓. หลักเกี่ยวกับธรรมชาติของการรู้: ความรู้ ญาณหยั่งรู้ ความเห็น การตีความ การติดยึดความรู้ (ทิฏฐุปาทาน) ทฤษฎีความรู้สองแบบ ของอี
เอฟ ชูม้าเกอ สัจจะของผู้สอนเป็นเพียงสมมติฐานของผู้เรียน
๒.๔. เคารพตน เคารพความหลากหลายในกลุ่ม
๒.๕. การหาสมดุลสมองกายใจในการเรียนรู้
๒.๖. คิดอย่างมีวิจารณ์ญาณ คิดแบบองค์รวม จัดระบบคิด จัดหมวดหมู่
๒.๗. การรู้จักตนเอง สติกับการลดอัตตา
๒.๘. กระบวนกรในฐานะผู้นำที่แท้
๓. ด้านทักษะ: เมื่อเรียนรู้ชุดนี้แล้ว ผู้เรียนจะสามารถฝึกใช้ทักษะเหล่านี้เป็น
๓.๑. ทักษะพื้นฐาน ๗ อย่าง ถาม ฟัง พูดกระชับ สรุป ทวนคืน ถามเจาะ สังเคราะห์ประมวล
๓.๒. จัดการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมเช่น ใช้วงจรเรียนรู้ผ่านประสบการณ์และถอดบทเรียน ถอดบทเรียนจากประสบการณ์ในอดีต ใช้บทบาทสมมติ
และละครสั้น การสอนเนื้อหาหนักแบบมีส่วนร่วม ฯลฯ
๓.๓. อ่านพลังกลุ่ม ประเมินกลุ่ม จัดการกลุ่ม เปลี่ยนแปลงออกแบบการเรียนรู้ให้เหมาะกับสถานการณ์เฉพาะหน้า
๓.๔. รับมือกับผู้เรียนที่ท้าทายและรับมืออย่างมีสติและกรุณา
๓.๕. จัดกิจกรรมท้าทายกลุ่ม/กิจกรรมสร้างหมู่คณะ หลากหลายเช่นสี่เหลี่ยมแตก เดินตะปู ตีบอล ตาข่ายไฟฟ้า
๓.๖. จัดกิจกรรมรู้จักตนเองรู้จักเพื่อน เช่น ข้ามเส้น(ใช่ฉันเลย) บาโรมิเต้อ สี่ทิศที่ธาตุ
๓.๗. ใช้กิจกรรมพลังดาว สำหรับการวิเคราะห์สังคมเบื้องต้น
๓.๘. คิดอย่างเป็นระบบ คิดอย่างมีวิจารณ์ญาณ
๓.๙. การรู้จักฟังอย่างลึกซึ้ง
๓.๑๐. นำภาวนาเบื้องต้น
๓.๑๑. สอนเป็นคณะ/ สอนกับคนอื่น
๓.๑๒. การพูดในที่สาธารณะที่เราไม่คุ้นเคย
๓.๑๓. ออกแบบการเรียนรู้
ค่าลงทะเบียน สำหรับค่าอาหารที่พัก และสื่ออุปกรณ์ จำนวน 35,000 บาท
รายละเอียดชื่อบัญชีธนาคารดังนี้:
ธนาคาร : ไทยพาณิชย์ เลขที่บัญชี : 024-2-62146-8
ชื่อบัญชี: INEB (by Sathirakoses-Nagapradipa Foundation)
บัญชีออมทรัพย์ สาขา : ถนนเจริญนคร
o กรุณาส่งหลักฐานเพื่อยืนยันการโอนเงินมายังอีเมลของโครงการ
o ใบเสร็จของมูลนิธิฯ สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ ถ้าต้องการกรุณาแจ้งล่วงหน้าพร้อมบอก ชื่อ-สกุลและที่อยู่ และรับใบเสร็จได้ในวันแรกของการฝึกอบรม
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม
พรพิมล สันทัดอนุวัตร (เจน) 086-406-5750 LINE: Jane PS